พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)
พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)เป็นอุปกรณ์หลักที่คอยจ่ายไฟให้กับชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆทั้งหมดภายในเครื่อง
มีรูปร่างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมติดตั้งอยู่ภายในตัวเคส (สามารถถอดเปลี่ยนได้)
ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ตามบ้านจาก 220 โวลต์ให้เหลือเพียงแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง (DC) 3 ชุดคือ 3.3
และ 5 โวลต์ เพื่อจ่ายไฟให้กับวงจรชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ และ 12 โวลต์
เพื่อจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ของอุปกรณ์ดิสก์ไดร์ฟต่างๆรวมถึงพัดลมระบายอากาศด้วย ปัจจุบันพาวเวอร์ซัพพลายที่จะนำมาใช้ควรมีกำลังไฟตั้งแต่
400 วัตต์ขึ้นไป
ทั้งนี้ก็เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆทั้งหมดที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง
สำหรับแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ตามบ้าน (ประเทศไทย) โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 200-250 VAC พร้อมกระแสไฟประมาณ
3.0-6.0 A และความถี่ที่
50Hz ดังนั้นเพื่อให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้
เพาเวอร์ซัพพลายจะต้องแปลงแรงดันไฟ AC ให้เป็น DC แรงดันต่ำในระดับต่างๆ
รวมถึงปริมาณความต้องการของกระแสไฟฟ้าที่จะต้องจ่ายให้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆด้วย
โดยระดับของแรงดันไฟ (DC Output) ที่ถูกจ่ายออกมาจากพาวเวอร์ซัพพลายแต่ละรุ่น/ยี่ห้อจะใกล้เคียงกัน
แต่ปริมารสูงสุดของกระแสไฟ (Max Current
Output) ที่ถูกจ่ายออกมานั้นอาจไม่เท่ากัน (แล้วแต่รุ่น/ยี่ห้อ)
ซึ้งมีผลต่อการนำไปคำนวลค่าไฟโดยรวม (Total
Power) ที่เพาเวอร์ซัพพลายตัวนั้น
จะสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ด้วย
โดยในที่นี้จะยกตัวอย่างรายละเอียดจากเพาเวอร์ซัพพลายยี่ห้อ Enermax ตะกูล Coolergiant รุ่น EG701AX-VH(W) ที่ให้กำลังไฟโดยรวมประมาณ
600 วัตต์ (Watt) ซึ่งมีข้อมูลต่างๆดังนี้
- แรงดันไฟ(DC
Output) +3.3V ปริมาณกระแสไฟ (Current Output) 34 A ใช้กับ เม็นบอร์ด และการ์ดจอ เป็นหลัก
- แรงดันไฟ(DC
Output)+5V ปริมาณกระแสไฟ (Current Output) 34 A ใช้กับ เม็นบอร์ด, แรม และอุปกรดิสก์ไดร์รวมถึงพอร์ต
ต่างๆ
- แรงดันไฟ(DC
Output)+12V1และ +12V2 ปริมารกระแสไป (Current
Output) 18A ใชั้กับ ซีพียู, เม็นบอร์ด,
มอเตอร์ของอุปกรณ์ดิสก์ไดรว์ต่างๆรวมถึงระบบระบายความร้อนต่างๆ
ในที่นี้มาให้ 2 ชุด
- แรงดันไฟ(DC
Output) -12V ปริมารกระแสไฟ (Current Output) 0.8 A ใช้ร่วมกับไฟ +12V เพื่อจ่ายให้กับอุปกรร์ต่างๆ
- แรงดัน(DC
Output) +5VSB ปริมารกระแสไฟ(Current Output) 2.5 A เป็นแรงดันไฟสำรอง (Standby Voltage) ที่ใช้เปิดหรือปลุกการทำงานของเครื่องให้ตื่นขึ้นจากสภาวะเตรียมพร้อม
(Stanby)
พาวเวอร์ซัพพลาย
1)
ส่วนประกอบต่างๆของพาวเวอร์ซัพพลาย
– AC Input เป็นส่วนขาเข้าโดยส่วนนี้จะต่อเข้ากับปลั๊กไฟ
โดยกระแสไฟที่เข้ามาจะเป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีแรงดันขนาด 220 โวลต์ ความถี่ 50
เฮิร์ต
– ฟิวส์(Fuse) ทำหน้าที่ป้องกันวงจรพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดในกรณีที่มีกระแสไฟเกินกว่าที่ฟิวส์จะทนได้
ฟิวส์กะจะตัดกระแสไฟในทันที
– วงจรกรองแรงดัน
ทำหน้าที่กรองแรงดันไฟที่เข้ามาไม่ให้มีการกระชากของไฟ ซึ่งอาจเกิดจากฟ้าผ่าก็ได้
เพราะหากเกิดการกระชากของกระแสไฟแล้วอาจจะทำให้วงจรต่างๆในพาวเวอร์ซัพพลายเกิดความเสียหายได้
ภาคเรคติไฟเออร์(Rectifier) ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง
โดยกระแสไฟจะวิ่งผ่านวงจรไดโอดบริดจ์เรคติไฟเออร์ (Bridge Rectifier) เพื่อแปลงไฟกระแสสลับให้เป็นกระแสตรง และจากนั้นตัวเก็บประจุ (Capacitor)
ในวงจรจะทำหน้าที่ปรับแรงดันให้มีความเรียบขึ้น โดยจะมีวงจรสวิตชิ่ง
(Switching) เป็นตัวควบคุมว่าควรจะจ่ายไฟให้กับวงจรได้หรือยัง
-หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) จะทำการแปลงแรงดันที่ได้มาจากวงจรเรคติไฟเออร์
เพื่อให้มีขนาดแรงดันที่ลดลงมาก่อนที่จะส่งต่อไปยังวงจรควบคุมแรงดัน -วงจรควบคุมแรงดัน
(Voltage Control) ทำหน้าที่กำหนดค่าของแรงดันให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละตัว
-วงจรควบคุม
ทำหน้าที่ควบคุมวงจรสวิตชิ่งว่าจะให้ส่งแรงดันไฟที่ได้มาจากวงจรเรคติไฟเออร์ไปยังหม้อแปลงหรือไม่
โดยจะทำงานร่วมกับวงจรลอจิกบนเมนบอร์ดอีกทอดหนึ่ง
2) หน้าที่ของพาวเวอร์ซัพพลาย
คอมพิวเตอร์ต้องใช้ไฟฟ้าจึงจะทำงานได้ แต่การที่จะนำเอาชิ้นส่วนต่างๆ
ไปต่อกับปลักไฟโดยตรง จัดเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกอย่างยิ่ง
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีตัวกลางคอยช่วยเหลือ ซึ่งก็คือพาวเวอร์ซัพพลายนั่นเอง
จุดมุ่งหมายของพาวเวอร์ซัพพลายก็คือการแปลงกระแสไฟฟ้าจากปลักไฟ
ไปเป็นโวลเตจที่ชิ้นส่วนต่างๆ ในคอมพิวเตอร์การใช้อยู่
ดังนั้นเมื่อคุณเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าที่มีแรงดัน 220 โวลต์ เข้าหาพาวเวอร์ซัพพลายแล้ว
สิ่งที่คุณได้รับกลับมาก็คือชุดของแรงดันไฟฟ้ามาตรฐานที่สามารถจัดการได้ง่ายกว่า
นอกจากนั้นพาวเวอร์ซัพพลายยังมีหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสสลับไปเป็นไฟฟ้ากระแสตรงอีกด้วย
เนื่องจากกระแสตรงจะใช้กับชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆ ได้ง่ายกว่า แรงดันไฟฟ้าสำคัญที่สุด 3
ระดับที่พาวเวอร์ซัพพลายสามารถสร้างออกมาให้เราใช้อยู่ก็คือ +3.3V,
+5V และ +12V โดยที่เอาต์พุทแบบ +3.3V และ +5V มักใช้กับพวกชิปต่างๆ และองค์ประกอบอื่นๆ
ที่คล้ายคลึงกันในคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เอาต์พุทแบบ +12V ใช้กับกลไกในฮาร์ดดิสก์
ไดร์ฟซีดีรอมหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน
ถ้าหากเรามีเอาต์พุทแค่สองแบบน่าจะสะดวกมากกว่า
นั่นก็คืออันหนึ่งสำหรับส่วนที่เป็นกลไกและอีกส่วนหนึ่งสำหรับสวนที่เป็นชิป
แต่ปัญหาก็คือเมื่อมีการเปิดตัวมาตรฐานใหม่ๆ ใดออกมา
มาตรฐานนั้นมักต้องมีความเข้ากันได้กับเทคโนโลยีที่เดิมที่มีอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามเดี๋ยวนี้ชุดจ่ายไฟแบบ +12V ไม่ได้ใช้กับอุปกรณ์พวกที่เป็นกลไกเพียงอย่างเดียว บรรดาซีพียูรุ่นใหม่
รวมไปถึงพวกกราฟิกการ์ดที่มีความเร็วสูงก็มีความต้องการแรงดันไฟฟ้า +12V เพิ่มขึ้นมาด้วย
บริเวณด้านหลังของพาวเวอร์ซัพพลายนอกจากจะมีคอนเน็คเตอร์สำหรับต่อกับสายไฟ AC
แล้ว คุณยังจะเจอกับสวิทช์สำหรับใช้เลือกใช้ขนาดแรงดันไฟฟ้าระหว่าง 110V
และ 220V ด้วย
สวิทช์ดังกล่าวมีอยู่เพื่อช่วยให้เราสามารถใช้พาวเวอร์ซัพพลายในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ
ที่ใช้ไฟ 110V ได้ด้วย
แต่ก็มีพาวเวอร์ซัพพลายอีกหลายรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องมีสวิทช์ดังกล่าว
เนื่องจากมันสามารถเลือกโวลเตจที่เหมาะสมได้เอง เทคโนโลยีแบบนี้ในบางครั้งเรียกว่า
“wide input voltage” ก็มี
และเพื่อทำให้ตัวพาวเวอร์ซัพพลายเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวมันเองก็จำเป็นต้องมีระบบระบายความร้อนบางอย่างด้วย
ซึ่งโดยปกติแล้วระบบระบายความร้อนของพาวเวอร์ซัพพลายก็จะประกอบไปด้วยฮีตซิงค์และพัดลม
โดยพัดลมก็จะทำหน้าที่สร้างอากาศหมุนเวียนผ่านพาวเวอร์ซัพพลาย
และในพาวเวอร์ซัพพลายรุ่นใหม่ๆ
ที่มีความทันสมัยพัดลมจะทำงานโดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเป็นหลัก
เช่นถ้ามีความร้อนเพิ่มขึ้นความเร็วรอบของพัดลมก็จะสูงขึ้น
และเมื่ออุณหภูมิลดลงความเร็วรอบในการหมุนของพัดลงก็จะลดลงด้วย ซึ่งคุณสมบัตินี้ถูกพัฒนาออกมาเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนในการทำงาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น