คอมพิวเตอร์
ความสำคัญของคอมพิวเตอร์
การดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราในหลายรูปแบบทั้งทางตรงและทางอ้อม เข่น ถ้าคุณกำลังดูทีวีอยู่หรือตุฯกำลังรอใบเสร็จจากห้างร้าน
คุฯก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์โดยที่คุณไม่รู้ตัวหรือแม้แต่คุณกำลังรอสัญญาณไฟเขียวอยู่ตรงสี่แยกสัญญาณไฟก็ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ เช่นกัน กิจกรรมต่างๆนี้ ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยแทบทั้งสิ้น
ปัจจุบันพัฒนาการด้านคอมพิวเตอร์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วทำให้มีขนาดและราคาลดลง
ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานต่างๆ
อย่างกว้างขว้าง หรือแม้กระทั่งการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อการพักผ่อน เพื่อการบันเทิง
เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะจะทำให้เราสามารถที่จะคัดเลือกคอมพิวเตอร์
เพื่อประยุกต์ใช้กับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ความหมายของคอมพิวเตอร์ เมื่อพิจารณาศัพท์คำว่า คอมพิวเตอร์
ถ้าแปลกันตรงตัวตามคำภาษาอังกฤษจะหมายถึง เครื่องคำนวณ ดังนั้นถ้ากล่าวอย่างกว้างๆ
เครื่องคำนวณที่มีส่วนประกอบเป็นเครื่องกลไกลหรือเครื่องไฟฟ้า
ต่างก็จัดเป็นคอมพิวเตอร์ได้ทั้งสิ้น ลูกคิดที่เคยใช้กันในร้านค้า ไม้บรรทัดคำนวณ
(Slide rule) ซึ่งก็ถือเป็นเครื่องมือประจำตัววิศวกรในยุคยี่สิบปีมาก่อน
ในปัจจุบันความหมายของคอมพิวเตอร์จะระบุเฉพาะเจาะจง หมายถึง
เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบคำตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัดว่า
เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ที่ทำหน้าที่ เปรียบเสมือนสมองกลใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ
ที่ทั้งง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณซึ่งมีวิวัฒนาการมานานแล้วเริ่มจากเครื่องมือเครื่องแรกคือ “ลูกคิด” (Abacus) ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน
เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแล้ว
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ
ชื่อ ชาร์จ แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าตรีโกณมิติฟังก์ชั่นต่างๆ ทางคณิตศาสตร์
การทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนคำนวณ ส่วนควบคุม ใช้ระบบเครื่องยนต์ไอน้ำหมุนฟันเฟือง
มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้อัตโนมัติ
และเก็บข้อมูลในหน่วยความจำก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ
หลักการของแบบเบจนี้เองที่ได้นำมาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่เราจึงยกย่องให้แบบเบจเป็น
บิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากนั้นเป็นต้นมา
ได้มีผู้ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมามากมายหลายขนาด
ทำให้เป็นการเริ่มยุคของคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง
โดยสามารถจัดแบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยุค
ได้แก่
ยุคที่ 1 ยุคของหลอดสูญญากาศ
ยุคที่ 2 ยุคของทรานซิสเตอร์
ยุคที่ 3 ยุคของวงจรไอซี (IC หรือ Integrated Circuits)
ยุคที่ 4 ยุคของวิแอลเอสไอ
ยุคที่ 5 ยุคเครือข่าย(ยุคปัจจุบัน)
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic
device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้
ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ
โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้
(programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ
ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน
ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น
ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก – ถอนเงินในธนาคาร
การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นิยมนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง
ๆ มากมาย ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สามารถทำงานได้สารพัด
แต่ผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบว่า
งานที่เหมาะกับการนำคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างยิ่งคือการสร้าง สารสนเทศ ซึ่งสารสนเทศเหล่านั้นสามารถนำมาพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์
ส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือจัดเก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ได้
เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะมีคุณสมบัติต่าง ๆ คือ
1.ความเร็ว (speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้สามารถทำงานได้ถึงร้อยล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที
2.ความเชื่อถือ (reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่มีข้อผิดพลาด
และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
3.ความถูกต้องแม่นยำ (accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคำนวณที่ถูกต้องเสมอหากผลของการคำนวณผิดจากที่ควรจะเป็น
มักเกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรือข้อมูลที่เข้าสู่โปรแกรม
4.เก็บข้อมูลจำนวนมากๆได้
(store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
จะมีที่เก็บข้อมูลสำรองที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร
และสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้าน ๆ
ตัวอักษร
5.ย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
(move information) โดยใช้การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถส่งพจนานุกรมหนึ่งเล่มในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ไกลคนซีกโลกได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที
ทำให้มีการเรียกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกันทั่วโลกในปัจจุบันว่า ทางด่วนสารสนเทศ (Information
Superhighway)
การทำงานของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม
จะมีลักษณะการทำงานของส่วนต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กันเป็น กระบวนการ โดยมีองค์ประกอบพื้นฐานหลัก คือ หน่วยรับข้อมูลเข้า
(Input) หน่วยความจำ (Memory หน่วยประมวลผลข้อมูล
(Process) และหน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output) ซึ่งมีกระบวนการขั้นตอนการทำงานดังนี้
ภาพที่ 2.1
ขั้นตอนการทำงานที่สำคัญของคอมพิวเตอร์
ตารางที่ 2-1 ขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนที่
|
การทำงาน
|
ตัวอย่างอุปกรณ์
|
1. การรับข้อมูลและคำสั่ง (Input)
|
เริ่มต้นด้วยการนำข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถผ่านทางอุปกรณ์ชนิดต่างๆ แล้วแต่ชนิดของข้อมูล
ที่จะป้อนเข้าไป เช่น ถ้าเป็นการพิมพ์ข้อมูลจะใช้แผงแป้นพิมพ์ (Keyboard) เพื่อพิมพ์ข้อความหรือโปรแกรมเข้าเครื่องถ้าเป็นการเขียนภาพจะใช้เครื่องอ่านพิกัดภาพกราฟิก
(Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนิดพิเศษสำหรับเขียนภาพหรือถ้าเป็นการเล่นเกมก็จะมีก้านควบคุม (Joystick) สำหรับเคลื่อนตำแหน่งของการเล่นบนจอภาพ เป็นต้น
|
Mouse,
Keyboard, Scanner, Microphone
|
2. การประมวลผลหรือคิดคำนวณ(Processing)
|
ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์รับเข้ามา
จะถูกประมวลผลโดยการทำงานของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU : Central
Processing Unit) ตามคำสั่งของโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ
การประมวลผลอาจจะมีได้หลายอย่าง เช่น นำข้อมูลมาหาผลรวม นำข้อมูลมาจัดกลุ่ม นำข้อมูลมาหาค่ามากที่สุด หรือน้อยที่สุด เป็นต้น
จากนั้นจะส่งผลไปเก็บไว้ยังหน่วยความจำหลัก และให้หน่วยแสดงผลลัพธ์ต่อไป
|
CPU
|
3. การแสดงผลลัพธ์(Output)
|
คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ของข้อมูลที่ป้อน หรือแสดงผลจากการประมวลผล ทางอุปกรณ์แสดงผล ซึ่งข้อมูลที่แสดงออกมา
อาจอยู่ในรูปแบบของรายงาน ภาพ,แผนภูมิ,ตาราง ซึ่งแล้วแต่ผู้ใช้จะสั่งงาน โดยทั่วไปจะแสดงผ่านทางจอภาพก่อน
แล้วจึงสั่งพิมพ์ข้อมูลออกทางกระดาษโดยใช้เครื่องพิมพ์
|
Monitor,
Printer, Speaker
|
4. การเก็บข้อมูล(Storage)
|
เป็นการจัดเก็บข้อมูลชั่วคราวในขณะที่มีการประมวลผลแรม
รวมถึงจัดเก็บข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) แฟลชไดร์ฟ (flash
drive) เป็นต้น
|
hard
disk, floppy disk, CD-ROM
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น